วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การพัฒนาหลักสูตรเปรียบได้กับผลไม้ชนิดใด

   
หากต้องการเปรียบเทียบการพัฒนาหลักสูตรกับผลไม้ น่าจะเปรียบเทียบกับผลแก้วมังกร  เนื่องมาจากเหตุผลดังนี้
1.      ชื่อแก้วมังกรเป็นชื่อที่น่าสนใจ และสีของแก้วมังกรมีสีแดงสดใส เปรียบเสมือนกับการพัฒนาหลักสูตร
ในแต่ละหลักสูตรต้องมีจุดเด่นที่น่าสนใจ
2.      เปลือกของผลแก้วมังกรมีลักษณะทรงกลมรี สีของเปลือกแก้วมังกรมีลักษณะสีแดงม่วงหรือสีบานเย็น
 มีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่รอบผล เปรียบเสมือน การพัฒนาหลักสูตร ต้องมีการศึกษาอย่างหลากหลาย เช่น          ความต้องการของผุ้เรียน สังคม แนวคิดและปรัชญาทางการศึกษา  ปรัชญาทางสังคม  ทฤษฎีการเรียนรู้
3.      เนื้อผลแก้วมังกรจะมีสีขาว  สีแดงหรือชมพู  โดยมีเมล็ดสีดำเล็กคล้ายๆเม็ดงา หรือ
เม็ดแมงลัก กระจายฝังอยู่ทั่วเนื้อ เปรียบเสมือนกับการพัฒนาหลักสูตร ผู้พัฒนาต้องมีการวางแผน จัดองค์ประกอบหลักสูตรต่าง ๆ เช่น จัดเตรียมเนื้อหา เตรียมการจัดประสบการณ์ต่างๆ  จัดเตรียมเอกสารหลักสูตร ฯลฯ  และดำเนินการนำหลักสูตรโดยไปใช้  โดยใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ อย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามจุดมุ่งหมายที่หลักสูตรกำหนด
4.      ผลแก้วมังกรเมื่อรับประทานแล้วช่วยบรรเทาอาการโรคความดันโลหิต โรคเบาหวาน ตลอดจน
ช่วยลดความอ้วนเนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีแคลลอรี่ต่ำ  มีกากใยสูงจึงช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น อีกทั้งยังมีวิตามินและ   แร่ธาตุต่างๆที่ช่วยทั้งในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ กระดูกและฟันแข็งแรง จากประโยชน์ของแก้วมังกร หากเปรียบกับ  การพัฒนาหลักสูตรอาจเปรียบได้กับ ผลของการนำหลักสูตรไปใช้ที่เกิดกับผู้เรียน จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่หลักสูตรกำหนด และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า หากเราต้องการจะเปรียบการพัฒนาหลักสูตรกับผลไม้ ควรจะ
เปรียบเทียบกับ “ผลแก้วมังกร”

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คิดบวก ชีวิตบวก


วันนี้มีข้อคิด จากท่าน ว.วชิรเมธี ที่น่าสนใจมานำเสนอ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ดังนี้

เวลาเจองานหนัก 
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ เวลาเจอปัญหาซับซ้อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน

ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า 'มารไม่มีบารมีไม่เกิด'
เวลาเจอวิกฤต

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม 'ในวิกฤตย่อมมีโอกาส'
เวลาเจอความจน

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย

ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
โดย..... ท่าน ว.วชิเมธี

อ่านข้อคิดของท่าน ว.วชิเมธี แล้วทำให้สบายใจขึ้น คุณว่าจริงไหม?

การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

          การจัดการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่ 2 (พ.ศ.2552-2561) มีแนวทางในการปฏิบัติอย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดไว้ในกฎหมายทางการศึกษา คือพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ..2545หมวด 4  มาตรา 22 กำหนดว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ” (กระทรวงศึกษาธิการ,2545) และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 กำหนดไว้ในหลักการ ข้อ 3 คือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตโดยถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ” (กระทรวงศึกษาธิการ, 2545)  ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นประเด็นหนึ่งที่สำคัญ ในการปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่ 2 (พ.ศ.2552-2561) ที่จะต้องดำเนินการให้เกิดสัมฤทธิผล
          การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ กระบวนการเรียนรู้ที่ให้อิสระแก่ผู้เรียนในการสำรวจสิ่งที่ศึกษาในด้านที่สนใจ ผลักดันให้หาคำตอบ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเข้าใจจากผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ซึ่งก็คือผู้สอนนั่นเอง เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบทั้งตัวบุคคล รวมทั้งสติปัญญา ความคิด และความรู้สึก 
          แนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มาจากปรัชญา Constructivism ที่แพร่หลายมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่ง Martin 1994: 44 อ้างถึงใน พิมพันธ์ เดชะคุปต์, 2544: 6-7 ได้กล่าวว่า ปรัชญา Constructivism เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในตัวผู้เรียน ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้จากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่พบเห็นกับความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่เดิม เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้โดยผ่านกระบวนการคิดด้วยตนเอง โดยผู้สอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญา (Cognitive Structure) ของผู้เรียนได้ แต่ผู้สอนสามารถช่วยให้ผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาได้ โดยจัดสภาพการณ์ให้ผู้เรียนเกิดความขัดแย้งทางปัญญา หรือเกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น(Unequilibrium) ซึ่งเป็นสภาวะที่ประสบการณ์ใหม่ไม่สอดคล้องกับประสบการณ์เดิม ผู้เรียนต้องพยายามรับข้อมูลใหม่กับประสบการณ์ที่มีอยู่เดิม แล้วสร้างเป็นความรู้ใหม่ ดังนั้น นอกจากนี้แล้ว แนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ยังมีที่มาจากแนวคิดของนักปรัชญากลุ่มมนุษยนิยม (Humanism) ที่เชื่อว่า การเรียนรู้ไม่ได้หมายถึง การที่ทำให้ผู้เรียน รู้วิชาการเท่านั้น แต่ต้องทำให้มีจิตวิญญาณ มีเจตคติที่ดี และมีคุณธรรม โดยพัฒนาเป็นองค์รวม (Wholistic) การเรียนรู้ เกิดจากการค้นพบความหมายของสิ่งที่เรียนด้วยตนเอง เมื่อนักเรียนเรียนรู้อย่างมีความหมายแล้วจะทำให้การจำของนักเรียนคงอยู่อย่างยาวนาน มีความคงทนในการเรียนรู้
          การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีหลากหลายวิธี เช่น การจัดการเรียนรู้แบบค้นพบ(Discovery Learning) การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning) การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน การจัดการเรียนรู้โดยใช้บทบาทสมมุติ (Role - Play)  ฯลฯ
          ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ ครูผู้สอนซึ่งบทบาทของครูจะต้องเปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้
                     1. เป็นผู้จัดการ (Manager) เป็นผู้กำหนดบทบาทให้ผู้เรียนทุกคนได้มีส่วนเข้าร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่เหมาะสมกับความสามารถ ความสนใจของผู้เรียน
                     2. เป็นผู้ช่วยเหลือและแหล่งเรียนรู้ (Helper and resource) เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการในยามที่ผู้เรียนต้องการ อันจะช่วยให้การเรียนรู้ของผู้เรียนมีประสิทธิภาพ
                     3. เป็นผู้อำนวยความสะดวกและสนับสนุนกระบวนการเรียนการสอน (Facilitator) ให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านสื่ออุปกรณ์ คำแนะนำ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถดำเนินกิจกรรมไปได้
                    4. เป็นผู้ติดตามตรวจสอบ (Monitor) คอยตรวจสอบกระบวนการทำงาน ผลงานของผู้เรียน รวมทั้งการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อนำผลการประเมินมาปรับปรุงการเรียนการสอนต่อไป
          นอกจากบทบาทของครูแล้ว บทบาทของผู้เรียนต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมดังนี้
                    1. เป็นผู้ลงมือกระทำ (Actor) ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง
          2. เป็นผู้มีส่วนร่วม (Participant) ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ทุกขั้นตอน
                    3.  เป็นสมาชิกของกลุ่มผู้เรียน (Member) ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ ความคิดเห็น และสร้างสัมพันธภาพภายในกลุ่มผู้เรียน เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
                    4.  เป็นผู้ประเมิน (Evaluator) ผู้เรียนจะต้องมีการตรวจสอบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตัวเองเพื่อที่จะนำมาใช้ในการปรับเกี่ยวกับการเรียนรู้ของตนเอง
          นอกจากบทบาทของผู้สอนและผู้เรียนจะเปลี่ยนไปแล้ว กระบวนการวัดผลและประเมินผลตามแนวการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญจะต้องสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ ซึ่งในการวัดและประเมินผลจะใช้การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) มากขึ้น เนื่องขากการวัดและประเมินผลตามสภาพจริงจะสามารถบ่งบอก ระดับความรู้ ความสามารถที่เกิดขึ้น ในตัวผู้เรียน อันเนื่องมาจากการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ จนกระทั่งได้ผลงานในรูปแบบใดแบบหนึ่ง  เทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  ประกอบด้วย การประเมินจากการสื่อสารส่วนบุคคล   การประเมินจากการปฏิบัติ  และการประเมินจากแบบทดสอบ ตัวอย่างเช่น การอภิปรายในชั้นเรียน  การสอบปากเปล่า  การสัมภาษณ์ การอ่านบันทึกเหตุการณ์ของผู้เรียน  การใช้ Portfolio การใช้แบบทดสอบความสามารถจริง(Authentic Test) การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การนำเสนอผลงาน โครงงาน เป็นต้น
          จะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเป็นการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2   ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้ และได้รับ ประโยชน์อย่างหลากหลาย ผู้เรียนได้เป็นผู้ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง มีโอกาสคิดอย่างสร้างสรรค์ ได้เรียนรู้ตรงกับความต้องการ ความสนใจ และความถนัดของตนเอง ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น และเรียนรู้อย่างมีความสุข
แหล่งอ้างอิง
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสำคัญที่สุด. (2553). [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก
          http://thaigoodview.com/node/56546/. (24 กรกฎาคม  2554).
อาภรณ์ ใจเที่ยง.(2544). การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. วารสารครุสาร คณะครุศาสตร์
          สถาบันราชภัฏนครปฐม,3 (4).
เอียน สมิธ และ อนงค์ วิเศษสุวรรณ์ .(พฤศจิกายน 2549-มีนาคม 2550). การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
           Facilitating Student - Centered Learning.วารสารศึกษาศาสตร์,18 (2)